12. ผู้รักษาประตู ; วิลลี กาบาเยโร (แมนฯ ซิตี้)
จะเป็นเกมนัดชิงนัดสุดท้ายของ กาบาเยโร หรือไม่ แต่ก็ต้องชื่นชมในการเซฟสำคัญจังหวะดวลจุดโทษตัดสินแชมป์ แคปิตอล วัน คัพ ที่ไม่ทำให้ มานูเอล เปเยกรินี ผิดหวัง เพราะวางตัวให้เป็นผู้รักษาประตูในนัดชิงตามสัญญาจนมีส่วนในการพาทีมคว้าแชมป์ทิ้งทวนให้ เปเยกรินี ก่อนอำลาทีม
11. กองหลัง - นาธาเนียล ไคลน์ (ลิเวอร์พูล)
เกมใหญ่ที่ทั้งสองทีมต้องเล่นเพื่อศักดิ์ศรีในนัดชิงของบอลถ้วยย่อมกดดันกว่าการเจอกันในลีก แต่ในเกมที่แผงหลังหงส์แดงมีปัญหาตั้งแต่ต้นเกม แต่ก็ได้ความขยันเข้าช่วยเมื่อต้องรับมือกับกองหน้าที่มีความไวและแนวรุกเทคนิคเยี่ยมของ แมนฯ ซิตี้ จนพาทีมยันไว้ได้จนถึงช่วงฎีกา
10. กองหลัง - บรานิสลาฟ อิวาโนวิช (เชลซี)
หรือ เซาแธมป์ตัน จะเป็นทีมที่ อิวาโนวิช ถูกโฉลกเพราะบุกไปทำประตูที่ เซนต์ แมรี มาสองฤดูกาลติดต่อกันแล้ว และเกมนี้ก็โขกประตูชัยท้ายเกมก่อนหมดเวลาให้ เชลซี พลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะจนขยับอันดับขึ้นมาจ่อครึ่งบนของตารางแล้ว
9. กองหลัง - สตีฟ คุก (บอร์นมัธ)
ไม่ง่ายที่จะบุกไปเยือน วัตฟอร์ด ที่มีศูนย์หน้าที่ใหญ่และคมอย่าง โอดิออน อิกาโล รอประจันหน้า แต่การช่วยให้ทีมบุกไปยันเสมอ 0-0 โดยไม่โดนเจาะประตูกลับมา ก็ต้องให้เครดิตในการป้องกันของ สตีฟ คุก ด้วย
8. กองหลัง - ร็อบบี เบรดี (นอริช ซิตี้)
หลายๆ สายตาวิเคราะห์ตรงกันว่า นี่คือเกมที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานของตัวเองแม้จะยันไว้อยู่นานแต่ก็เกือบพลาดให้ นอริช ซิตี้ ซิตี้ จนต้องรอให้ เลโอนาร์โด อูลยัว ลงมายิงประตูช่วงท้าย แต่ทั้งหมดทั้งมวลต้องชมเกมของ เบรดี ที่เกมนี้ไม่ได้มาตั้งรับแต่ยังมีจังหวะโต้กลับอันตรายที่ทำได้เข้าตากดดันเจ้าบ้านได้หลายครั้ง
7. กองกลาง - ยายา ตูเร (แมนฯ ซิตี้)
ลิเวอร์พูล อาจวางหมากพลาดในการวางตัวเพื่อดวลจุดโทษ แต่หากจะไม่ให้เครดิตกับการยิงจุดโทษของ แมนฯ ซิตี้ จนคว้าแชมป์ไปในที่สุด ก็คงจะไม่แฟร์นักเพราะด้วยรูปเกมของ ซิตี้ ก็จัดตัวหลักมาดวลกับ ลิเวอร์พูล แบบไม่ได้ประมาทหงส์แดงแม้แต่น้อย และเกมของ ตูเร นัดนี้ก็สร้างปัญหาให้แดนกลางหงส์แดงไม่ใช่น้อย ทั้งคุมเกม และทั้งเป็นตัวสังหารจุดโทษชี้ชะตาคนสุดท้ายจนคว้าแชมป์ ก็ต้องยกให้เป็นเกมที่ตูเรผู้น้องทำหน้าที่ได้สมราคาแชมป์ด้วย
6. กองกลาง - อันเดร์ เอร์เรรา (แมนฯ ยูไนเต็ด)
เห็นความตั้งใจเล่นมากกว่าทุกๆ นัด ทำให้ดูดุดันอันตรายในแดนกลางสำหรับเกมนี้แม้ครึ่งหลังเกมของ ยูไนเต็ด จะลงไปรับกันต่ำ แต่เมื่อได้จังหวะโต้กลับก็ขับเคลื่อนเกมได้ดีและจังหวะยิงประตูที่ 3 ก็ทำกันมาสวยจนถึงจังหวะจบได้แปเน้นๆ แบบไม่ปราณีของ เอร์เรรา
5. กองกลาง - มาร์โก อาร์เนาโตวิช (สโต๊ค ซิตี้)
ทำนบทีมเยือน แอสตัน วิลลา มาแตกเมื่อเสียจุดโทษนาทีที่ 51 และเป็น อาร์เนาโตวิช รับหน้าที่จอมสังหารไม่พลาดเช่นเคย ก่อนจะบรรจงจัดอีก 1 ประตู แม้จะเป็นเกมที่โดยรวมแล้ว สโต๊ค เล่นไม่ดีนักเพราะพักไปนาน แต่ถ้าไม่ได้ 2 ประตูจากดาวยิงทีมชาติออสเตรีย เกมอาจไม่จบที่ 3 แต้มสำหรับพวกเขา
4. กองกลาง - วิลเลียน
จุดเปลี่ยนของเกมอยู่ที่ประตูตีเสมอ และแอสซิสท์ของ วิลเลียน ก็มาจากการจุดประกายสร้างความต่างในเกมจนพลิกกลับมาชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1 และยังเล่นได้สมราคาคีย์แมนคนสำคัญแห่งฤดูกาลต่อเนื่อง
3. กองกลาง -เครก การ์ดเนอร์ (เวสท์บรอม)
เป็นเกมที่แดนกลางเวสท์บรอมเล่นชิงจังหวะกับ คริสตัล พาเลซ ผู้มาเยือนได้อย่างสนุก แต่ความเด่นของ การ์ดเนอร์ น่าจะสร้างความต่างในเกมนี้ได้มากตั้งแต่เริ่มจากเบิกสกอร์ขึ้นนำก่อนจะขับเคี่ยวกันอย่างสนุกจนชนะไป 3-2 ในที่สุด
2. กองหน้า - มาร์คุส แรชฟอร์ด (แมนฯ ยูไนเต็ด)
น่าเหลือเชื่อสำหรับดาวรุ่งที่ซัดไป 4 ประตูทั้งที่เพิ่งจะได้ลงสนามแค่ 2 เกม นอกจากจะต้องชมตัวจ่ายแล้วก็ยังต้องชมจังหวะการวิ่งขยับเข้าหาบอลบวกกับกล้าเล่นกล้ากระชากจนแนวรับ อาร์เซนอล เสียท่าไปเอง แถมประตูที่ 3 ยังจ่ายสวยให้ เอร์เรรา พังประตูได้อีก ...สุดยอดและแจ้งเกิดเต็มตัวในนัดนี้
0 nhận xét:
Đăng nhận xét