ถึงแม้ว่า แลมพาร์ด จะไม่ได้เริ่มต้นเส้นทางค้าแข้งของเขากับทีม เชลซี แต่ด้วยความที่เขารักทีมมาก และเป็นคนสำคัญมาตลอดสิบกว่าปี ตั้งแต่สมัยที่ยังไม่ได้ลุ้นอะไรจนกลายมาเป็นเจ้าบัลลังก์ได้ตั้งแต่ปี 2005
ทำให้แฟน ๆ สิงห์บลู ทั่วโลกยอมมอบหัวใจให้กับเจ้าหมีพูห์จนหมดทั้งดวง และยกเป็นแข้งระดับตำนานที่ควรค่าแก่การอยู่กับทีมไปจนแขวนสตั๊ด
แต่แล้ว โฆเซ มูรินโญ ผู้เป็นกุนซือในขณะนั้นกลับเลือกที่จะไม่ต่อสัญญากับ แลมพาร์ด ออกไป ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ตามนโยบายสโมสรที่ไม่เน้นเก็บแข้งสูงวัยไว้ใช้งาน สุดท้ายตำนานของทีมคนนี้ก็ต้องเก็บข้าวของออกไปท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงมจากแฟน ๆ
ถึงแม้ว่าราชันย์ชุดขาวจะเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีนักเตะระดับโลกอัดแน่นอยู่เต็มทีมทุกยุคทุกสมัยก็ตาม แต่ ราอูล คนนี้ก็ยังได้เป็นชายผู้ครอบครองมงกุฏราชาอยู่อย่างเหนียวแน่นมาตลอดหลายปี
จนกระทั่งในระยะหลังที่เขาเริ่มอายุมากขึ้น บวกกับการเข้ามาของ เบนเซมา, โรนัลโด้ และ กาก้า ทำให้เริ่มถูกลดความสำคัญลงไปจน ราอูล ต้องกลับบ้านไปคิดทบทวนถึงอนาคตของตัวเองทุกคืน
และสุดท้าย เขาก็เลือกที่จะเป็นฝ่ายยอมแพ้ และเก็บข้าวของจากไปแต่โดยดี ก่อนจะไปกลายเป็นแข้งคนสำคัญของ ชาลเก้ 04 ได้ในเวลาต่อมา
แต่ในระยะหลัง
ซาบี ถือเป็นกัปตันทีม บาร์เซโลนา ที่คอลูกหนังทั่วโลกให้ความเคารพศรัทธามากที่สุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ก็น่าจะด้วยฝีเท้าและนิสัยใจคอของเขานั่นเอง
อย่างไรก็ตาม หลังผ่านการค้าแข้งและประสบความสำเร็จมากมายในถิ่นคัมป์นูมายาวนานถึง 24 ปี (รวมชุดเยาวชน) ซาบี ก็ตัดสินใจอำลาทีมรักของตัวเองด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือต้องการเล่นฟุตบอลมากกว่านั่งอยู่ข้างสนาม
แต่ถึงแม้การต้องตกเป็นตัวสำรองของ ราคิติช ในระยะหลังจะเป็นจุดที่ทำให้เขาเลือกไม่ต่อสัญญาออกไป แต่ตัวของ ซาบี เองก็เข้าใจดีว่ามันเป็นวัฏจักรของอาชีพนักฟุตบอล และก็จากทีมไปด้วยดีในท้ายที่สุด
เดล ปิเอโร นั้นไม่ได้เป็นเด็กปั้นของ ยูเวนตุส โดยตรง แต่ถูกซื้อมาจาก ปาโดวา ในปี 1993 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุแค่ 18 ปี
แต่ด้วยพรสวรรค์ในระดับที่เรียกได้ว่าสูงที่สุดสำหรับแข้งอิตาลีในยุคนั้น แถมเขายังเป็นคนสำคัญที่ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองได้ 8 สมัย (โดนริบคืน 2 ครั้ง) ยูฟา แชมเปียนส์ลีก 1 ครั้ง และรายการอื่น ๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน แถมพอตกชั้นก็ไม่เคยทิ้งทีมไปเหมือนดาวดังคนอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่เจ้า “โกลเด้นบอย” ได้รับบาดเจ็บบ่อยในช่วงหลัง แถมยังต้องตกเป็นตัวสำรองมากกว่าเป็นตัวจริง ทำให้เขาต้องมองหาโอกาสลงสนามมากกว่าที่เป็นอยู่ และนั่นก็คือการบอกลาบ้านที่ตัวเองคุ้นเคยไปในปี 2012 นั่นเอง
สำหรับแฟนบอล เชลซี ส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ เชื่อว่าเกือบ 100% จะต้องคุ้นเคยกับการมี จอ์น เทอร์รี อยู่ในทีมมากแน่ๆ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นอาจจะต้องหายไปในฤดูกาลหน้าก็เป็นได้
ด้วยความที่ยอดกัปตันสิงห์บลูเองก็มีอายุ 35 ปี แล้ว ทำให้ต้นสังกัดของเขาที่ไม่ค่อยจะนิยมเก็บแข้งอายุมาก ๆ เอาไว้ใช้งาน เริ่มแสดงอาการชัดว่าไม่อยากต่อสัญญาใหม่ให้อีกต่อไป
และนั่นก็ทำให้ จอห์น เทอร์รี ต้องออกมาพูดด้วยตัวเองเมื่อราว 1 เดือนก่อนว่าเขาอาจจะต้องเก็บข้าวของไปหาทีมใหม่เล่นก็เป็นในซีซั่นใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้
สำหรับแฟน ๆ โรมา แล้ว ต็อตติ ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งสโมสรที่สำคัญที่สุด เพราะเขาคือนักเตะที่เติบโตขึ้นมาจากทีมชุดเยาวชนจนก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมที่มีอิทธิพลสูงสุดได้ตั้งแต่อายุยังน้อย
จากวันแรกถึงวันนี้ ผ่านมาแล้ว 24 ฤดูกาล จาก “เจ้าชาย” กลายมาเป็น “ราชา” ต็อตติ ของพวกเราอายุล่วงเลยมาถึงวัย 39 ปี ซึ่งหากเป็นคนอื่นคงเลิกเล่นไปร่วมครึ่งทศวรรษแล้ว แต่เขายังเล่นอยู่ และนั่นก็เป็นหนึ่งปัญหาของทั้งทีมและตัวเขาในทุกวันนี้
นับตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา ต็อตติ เพิ่งได้ลงเล่นไปเพียง 5 เกมเท่านั้น แถมยังต้องเป็นตัวสำรองใน 3 เกมหลังสุด พร้อมทั้งมีอาการบาดเจ็บเล่นงานจนผู้จัดการทีมเริ่มจะมองถึงการไม่มีเขาอยู่ในแผนทำทีมแล้ว
และราชาหมาป่าคนนี้ก็รู้ดีว่าตัวเองถูกลดความสำคัญลงไป จนถึงกับออกมาประกาศว่าจะย้ายทีมแน่นอนหากไม่ได้รับโอกาสมากกว่านี้ และต้องมาดูกันต่อไปว่าเขาจะปิดตำนานการเล่นให้ โรมา เพียงทีมเดียวตลอดชีวิตค้าแข้งได้หรือไม่ในเร็ว ๆ นี้
นับตั้งแต่วันที่ สตีเวน เจอร์ราร์ด ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งกัปตันทีมเต็มตัวในปี 2003 เขาก็กลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของทีม ลิเวอร์พูล เรื่อยมาจนเรียกได้เต็มปากว่านี่แหละคือสัญลักษณ์ของทีมอย่างแท้จริง
แต่แล้วสิ่งที่ไม่มีใครเคยคาดฝันก็พลันเกิด เมื่อ เจอร์ราร์ด อายุมากขึ้น เขาถูกผู้จัดการทีมอย่าง เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ลดความสำคัญลง เริ่มตั้งแต่การจับให้เล่นเป็นตัวรับซึ่งเขาไม่ถนัด จับนั่งสำรอง และสุดท้ายก็แสดงความชัดเจนว่าไม่ต้องการต่อสัญญาใหม่ให้กัปตันไดนาโมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
และนั่นก็คือฟางเส้นสุดท้ายสำหรับชายที่รักสโมสรแห่งนี้มากกว่าอนาคตของตัวเอง เขาจึงตัดสินใจที่จะย้ายออกจากแอนฟิลด์ไปท่ามกลางความช็อคของ เดอะ ค็อป ทั่วโลก และปัจจุบัน สตีวี่จี ก็ใช้ชีวิตในช่วงปลายอาชีพอยู่กับทีม แอลเอ กาแล็คซี ในเมเจอร์ ลีก อเมริกา
คาซิยาส เป็นอีกหนึ่งคนที่ถูกสโมสรที่เขารักทอดทิ้งจนถึงกับต้องหลั่งน้ำตากลางโต๊ะแถลงข่าวกันเลยทีเดียว
ทั้งนี้ความช้ำใจที่เขามีสามารถเข้าใจได้โดยง่าย เพราะนี่คือคนที่อยู่กับ เรอัล มาดริด มาตั้งแต่ 9 ขวบ เล่นมาให้กับทั้งทีมเยาวชน ทีมชุดซี ชุดบี จนได้เป็นกัปตันทีมในฤดูกาล 2010-11
แต่แล้วสุดท้าย ประธานตัวแสบอย่าง ฟลอเรนติโน เปเรซ ก็เฉดหัวเขาออกจากสโมสร เพราะเห็นว่าอายุมากแล้ว แถมตอนแรกยังจะไม่จัดพิธีอำลาให้ด้วยจนถูกด่ายับก่อนจะดริฟท์มาจัดแบบแก้เก้อ เรียกว่าไม่ให้เกียรติผู้เล่นระดับตำนานของตัวเลยแม้แต่นิดเดียว
0 nhận xét:
Đăng nhận xét