แชมป์ยุโรป 5 สมัย และ แชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัย จะเป็นสิ่งที่แฟนๆ ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะหยิบออกมาบลัฟกันระหว่างเกม ยูโรป้า ลีก รอบ 16 ทีมสุดท้ายที่ทั้งคู่จะเจอกันในค่ำคืนนี้แน่นอน

กับทั้งสองทีมที่หวังจะใช้ทางลัดด้วยการเป็นแชมป์ ยูโรป้า ลีก เป็นสะพานสู่การไปเล่น ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในฤดูกาลหน้าแล้ว เดิมพันในเกมนี่จะยิ่งสูงลิ่ว และทั้งคู่จะจัดหนักจัดเต็มจนกลายเป็นหนึ่งเกมแดงเดือดที่น่าจะมันที่สุดเลยทีเดียว

แน่นอนว่าในรอบน็อคเอาท์นี้ เมื่อผ่านไปสองเกมจะต้องมีทีมหนึ่งเสียใจเป็นธรรมดา ไม่นับกับการที่จะต้องถูกล้ออีกต่างหาก แต่นอกจากนี้แล้วมันยังน่าจะส่งผลกระทบในหลายส่วนดังต่อไปนี้

สไตล์การเล่นของทีม

หลุยส์ ฟาน กัล ได้ถูกบ่นถึงเรื่องสไตล์การทำทีมเป็นอย่างมากในฤดูกาลนี้ ด้วยอาการยึกๆ ยักๆ จ่ายไปจ่ายมา ไม่ไล่ขโยกเข้าหาคู่ต่อสู้เหมือนผีแดงยุคก่อนที่คุ้นเคย จนทำให้คู่ต่อสู้ปราศาจกสิ้นเสียความกลัว อย่างที่พวกเขาพลาดแพ้ทีมรองบ่อนไปก่อนหลายครั้ง

สิ่งนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับ ลิเวอร์พูล เมื่อพวกเขาไร้ซึ่งความแน่นอนเอาเสียเลย อีกทั้งนักเตะที่เข้ามาแทนอย่าง เบนเตเก, ฟิร์มิโน และ เจมส์ มิลเนอร์, ก็ยังคงไม่อาจทำผลงานสู้ ซัวเรซ, สเตอร์ลิง และ สเตอร์ริดจ์ ในอดีตได้ ซึ่งหากฝ่ายไหนเป็นผู้ปราชัยก็เชื่อได้เลยว่าเครื่องของพวกเขาจะต้องรวนแน่ๆ ไม่มากก็น้อย

การดึงดูดตัวนักเตะ

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ต่างเป็นหมุดหมายของนักเตะระดับโลกที่อยากมาค้าแข้งด้วย แต่หากมันกลับไม่เกิดขึ้นในตอนนี้เมื่อพวกเขาต่างไม่อาจการันตีพื้นที่ในเกมยุโรปได้ โดยเฉพาะกับการต้องตกรอบแต่ไก่โห่

อื่นๆ

หากเป็น ลิเวอร์พูล ที่ปราชัย เยอร์เกน คล็อปป์ ก็คงจะต้องหันมาจริงจังในตลาดนักเตะเพื่อเปลี่ยนแปลงทีมแน่นอน ด้วยงบกว่า 100 ล้านปอนด์ ตามข่าว และการปล่อยผู้เล่นที่ไม่อยู่ในแผนออกไปก็น่าจะทำให้ทีมเล่นเข้ากับสไตล์ของเขาอย่างเต็มที่

ส่วน ฟาน กัล เองไม่ต้องพูดถึงเลย เพราะความพ่ายแพ้อาจหมายถึงการกระเด็นตกเก้าอี้ของเขา และหากเขายังรอดก็อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะได้อยู่ต่อในฤดูกาลหน้า เนื่องด้วยเป้าหมายของทีมที่ต้องการจบท็อปโฟร์ คว้าพื้นที่ แชมเปียนส์ลีก นั่นเอง